เรื่องย่อ
ปฐมเหตุ หลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ทำให้พระประยูรญาติละทิฐิยอมถวายบังคม ก็บังเกิดฝนโบกขรพรรษพระภิกษุทั้งหลายจึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตรัสเล่าว่า ฝนชนิดนี้เคยตกมาแล้วในอดีต พระองค์จึงทรงแสดงธรรมเรื่อง มหาเวสสันดรชาดกหรือเรื่องมหาชาติ ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ตามลำดับดังนี้ กัณฑ์ทศพร กัณฑ์หิมพานต์ กัณฑ์ทานกัณฑ์ กัณฑ์วนปเวสน์ กัณฑ์ชูชก กัณฑ์จุลพน กัณฑ์มหาพน กัณฑ์กุมาร กัณฑ์มัทรี กัณฑ์สักกบรรพ กัณฑ์มหาราช กัณฑ์ฉกษัตริย์ และกัณฑ์นครกัณฑ์
ปฐมเหตุ หลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ทำให้พระประยูรญาติละทิฐิยอมถวายบังคม ก็บังเกิดฝนโบกขรพรรษพระภิกษุทั้งหลายจึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตรัสเล่าว่า ฝนชนิดนี้เคยตกมาแล้วในอดีต พระองค์จึงทรงแสดงธรรมเรื่อง มหาเวสสันดรชาดกหรือเรื่องมหาชาติ ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ตามลำดับดังนี้ กัณฑ์ทศพร กัณฑ์หิมพานต์ กัณฑ์ทานกัณฑ์ กัณฑ์วนปเวสน์ กัณฑ์ชูชก กัณฑ์จุลพน กัณฑ์มหาพน กัณฑ์กุมาร กัณฑ์มัทรี กัณฑ์สักกบรรพ กัณฑ์มหาราช กัณฑ์ฉกษัตริย์ และกัณฑ์นครกัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๑ ทศพร มี ๑๙ พระคาถา
กล่าวถึงปฐมเหตุที่พระพุทธองค์ทรงเทศนาเล่าเรื่องมหาเวสสันดรชาดกแก่ภิกษุทั้งหลาย
ณ นิโครธารามมหาวิหาร โดยเริ่มเรื่องจากการกำเนิดพระนางผุสดีผู้ถวายแก่นจันทร์บดแด่พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง และตั้งจิตปรารถนาว่า ขอให้ได้เป็นพระพุทธมารดาในอนาคต เมื่อได้บังเกิดในสวรรค์ได้เป็นมเหสีของพระอินทร์ ในกัณฑ์นี้กล่าวถึงพระนางผุสดีจะต้องจุติจากสวรรค์พระอินทร์จึงประทานพร ๑๐ ประการให้พระนางผุสดี ได้แก่ ๑. ขอให้เกิดในกรุงมัทราช แคว้นสีพี ๒. ขอให้มีดวงเนตรคมงามและดำขลับดั่งลูกเนื้อทราย ๓. ขอให้คิ้วคมขำดั่งสร้อยคอนกยูง ๔. ขอให้ได้นาม “ ผุสดี ” ดังภพเดิม
๕. ขอให้มีพระโอรสเกริกเกรติที่สุดในชมพูทวีป ๖. ขอให้พระครรภ์งาม ไม่ป่องนูนดั่งสตรีสามัญ
๗. ขอให้พระถันเปล่งปลั่งงดงามไม่ยานคล้อยลง ๘. ขอให้เส้นพระเกศาดำขลับตลอดชาติ ๙. ขอให้ผิวพรรณละเอียดบริสุทธิ์ดุจทองคำธรรมชาติ ๑๐. ขอให้ได้ปลดปล่อยนักโทษที่ต้องอาญาประหารได้
ณ นิโครธารามมหาวิหาร โดยเริ่มเรื่องจากการกำเนิดพระนางผุสดีผู้ถวายแก่นจันทร์บดแด่พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง และตั้งจิตปรารถนาว่า ขอให้ได้เป็นพระพุทธมารดาในอนาคต เมื่อได้บังเกิดในสวรรค์ได้เป็นมเหสีของพระอินทร์ ในกัณฑ์นี้กล่าวถึงพระนางผุสดีจะต้องจุติจากสวรรค์พระอินทร์จึงประทานพร ๑๐ ประการให้พระนางผุสดี ได้แก่ ๑. ขอให้เกิดในกรุงมัทราช แคว้นสีพี ๒. ขอให้มีดวงเนตรคมงามและดำขลับดั่งลูกเนื้อทราย ๓. ขอให้คิ้วคมขำดั่งสร้อยคอนกยูง ๔. ขอให้ได้นาม “ ผุสดี ” ดังภพเดิม
๕. ขอให้มีพระโอรสเกริกเกรติที่สุดในชมพูทวีป ๖. ขอให้พระครรภ์งาม ไม่ป่องนูนดั่งสตรีสามัญ
๗. ขอให้พระถันเปล่งปลั่งงดงามไม่ยานคล้อยลง ๘. ขอให้เส้นพระเกศาดำขลับตลอดชาติ ๙. ขอให้ผิวพรรณละเอียดบริสุทธิ์ดุจทองคำธรรมชาติ ๑๐. ขอให้ได้ปลดปล่อยนักโทษที่ต้องอาญาประหารได้
กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์ มี ๑๓๔ พระคาถา
กล่าวถึงพระนางผุสดีซึ่งจุติจากสวรรค์ลงมาประสูติเป็นพระธิด่กษิตริย์มัทราช และได้เป็นพระมเหสีพระเจ้ากรุงสญชัยแห่งแคว้นสีพี พระนางผุสดีได้ประสูติพระเวสสันดรในขณะประพาสชมพระนคร และขณะนั้นนางช้างฉัททันต์ก็ได้นำลูกช้างเผือกมาไว้ในโรงช้างต้น ต่อมาลูกช้างเผือกตัวนั้นได้ชื่อว่า
“ ปัจจัยนาเคนทร์ ” มีคุณวิเศษ คือ ทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พระเวสสันดรใฝ่ใจในการบริจาคทาน เมื่อได้เสวยราชสมบัติและอภิเษกกับพระนางมัทรีแล้ว ได้ตั้งโรงทานถึง ๖ แห่ง และเมื่อพระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์ให้กับชาวเมืองกลิงคราษฎร์ ซึ่งเป็นเมืองที่แห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพงมาหลายปี ทำให้ชาวเมืองสีพีโกรธและเรียกร้องให้พระเจ้ากรุงสญชัยทรงลงโทษพระเวสสันดรพระเจ้ากรุงสญชัยจึงทรงเนรเทศพระเวสสันดรไปจากเมือง
“ ปัจจัยนาเคนทร์ ” มีคุณวิเศษ คือ ทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พระเวสสันดรใฝ่ใจในการบริจาคทาน เมื่อได้เสวยราชสมบัติและอภิเษกกับพระนางมัทรีแล้ว ได้ตั้งโรงทานถึง ๖ แห่ง และเมื่อพระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์ให้กับชาวเมืองกลิงคราษฎร์ ซึ่งเป็นเมืองที่แห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพงมาหลายปี ทำให้ชาวเมืองสีพีโกรธและเรียกร้องให้พระเจ้ากรุงสญชัยทรงลงโทษพระเวสสันดรพระเจ้ากรุงสญชัยจึงทรงเนรเทศพระเวสสันดรไปจากเมือง
กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์ มี ๒๐๘ พระคาถา
เมื่อพระนางผุสดีทรงทราบว่าพระเวสสันดรถูกเนรเทศ พระนางได้ทูลขอโทษ แต่พระเจ้ากรุงสญชัยมิได้ตรัสตอบ พระนางจึงเสด็จไปที่พระตำหนักพระเวสสันดรและทรงรำพันต่าง ๆ นานา
รุ่งขึ้นพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญสัตตสดกมหาทาน แล้วจึงพาพระนางมัทรีและสองกุมารเข้าไปทูลลาพระเจ้ากรุงสญชัย พระเจ้ากรุงสญชัยทรงห้ามพระนางมัทรีมิให้ติดตามไปด้วย เพราะจะได้รับความลำบากในป่า แต่พระนางมัทรีก็ทูลถึงเหตุผลอันเหมาะสมที่พระนางจะต้องตามเสด็จพระเวสสันดรในครั้งนี้ พระเจ้ากรุงสญชัยจึงขอสองกุมารให้อยู่กับพระองค์ แต่พระนางมัทรีก็ไม่ยินยอม จากนั้นทั้งสี่พระองค์ก็เสด็จไปทูลลาพระนางผุสดี รุ่งขึ้นพระเวสสันดรให้พนักงานเบิกแก้วแหวนเงินทองบรรทุกรถเสด็จออกจากเมือง ทรงโปรยแก้วแหวนเงินทองเหล่านั้นเป็นทานแก่ยาจกโดยทั่วหน้า แล้วจึงตรัสสั่งให้เสนาอำมาตย์กลับคืนมายังเมือง ส่วนพระองค์พร้อมทั้งพระนางมัทรีและกัณหาชาลีก็มุ่งสู่ป่า มีพราหมณ์มาทูลขอรถทรงและม้าทรง พระองค์ก็ทรงบริจาคให้จนหมดสิ้น พระเวสสันดรจึงอุ้มพระชาลีและพระนางมัทรีอุ้มพระกัณหาเสด็จพระดำเนินต่อไปด้วยพระบาท
กัณฑ์ที่ ๔ วนปเวสน์ มี ๕๗ พระคาถา
กล่าถึงการเดินทางของพระเวสสันดรไปยังเขาวงกต ซึ่งมีพระนางมัทรีและชาลีกัณหาอันเป็นพระโอรสและพระธิดาตามเสด็จด้วย ได้พบกับเจ้าเมืองเจตราษฎ์ เจ้าเมืองเจตราษฎ์มอบพรานเจตบุตรเป็นผู้ดูแลมิให้ใครเดินทางไปรบกวนพระเวสสันดรในเขาวงกต
กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก มี ๗๙ พระคาถา
กล่าวถึงพราหมณืผู้หนึ่งชื่อว่า ชูชก เป็นคนเข็ญใจไร้ญาติเที่ยวเร่ร่อนขอทาน จนกระทั่งถึงแก่ชราจึงรวบรวมเงินได้ถึงร้อยยกษาปณ์ เห็นว่าถ้าเก็บไว้กัยตัวก็จะป็นอันตราย จึงนำไปฝากกับเพื่อนคนหนึ่งแล้วก็เที่ยวขอทานต่อไป เวลาล่วงเลยมาหลายปี เพื่อนผู้รับฝากเงินไว้เห็นว่าชูชกไม่กลับมาคงจะล้มตายไปแล้ว จึงได้นำเงินที่ชูชกฝากไว้ไปจับจ่ายจนหมดสิ้น เมื่อชูชกกลับมาเพื่อนคนนั้นไม่มีเงินให้จึงต้องยกลูกสาวชื่อนางอมตตดาให้เป็นภรรยาชูชก นางอมิตตดาปรนนิบัติสามีตามหน้าที่ของภรรยาที่ดีทุกอย่าง จนทำให้พราหมณ์อื่น ๆ ในหมู่บ้านนั้นตบตีดุด่าภรรยาของตนให้ประพฤติตามอย่างนางอมิตตดา บรรดาภรรยาทั้งหลายต่างก็โกรธเคืองหาว่านางอมิตตดาเป็นต้นเหตุ จึงพากันไปเยาะเย้ยถากถางนางอมิตตดาขณะที่นางลงไปตักน้ำที่ท่าน้ำทำให้นางอมิตตดารู้สึกอับอาย จึงกลับมาบอกกับชูชกว่าต่อไปนี้นางจะไม่ทำงานอะไรอีก ชูชกจะต้องไปหาข้าทาสมาให้นาง มิฉะนั้นนางจะไม่อยู่ด้วย เทพเจ้าได้เข้าดลใจนางให้แนะชูชกไปขอพระกัณหาชาลีมาเป็ฯทาส ชูชกจำใจต้องไป ก่อนออกเดินททางชูชกก็จัดการซ่อมแซมบ้านให้แข็งแรง และให้โอวาทนางอมิตตดา ส่วนนางก็จัดเสบียงที่จะเดินทางไว้พร้อม ๙ชกแปลงเพศเป็นชีปะขาว แล้วก็ออกเดินทาง พบกับผู้คนที่ไหรก็สอบถามเรื่องพรเวสสันดรเรื่อยไป พวกชาวเมืองโกรธคิดว่าชูชกจะต้องไปขออะไรจากพระเวสสันดรอีก จึงช่วยกันทำร้ายชูชกจนต้องหนีกระเจิดกระเจิงเข้าป่าไป เทวดาดลใจให้ชูชกเดินทางไปพบกับพราหมณ์เจตบุตรที่กษัตริย์เจตราษฎ์มอบหมายให้คอยดูแลมิให้ใครไปรบกวนพระเวสสันดร ชูชกหลอกพรานเจตบุตรว่าบัดนี้พระชาชนชาวเมืองสีพีหายโกรธเคืองพระเวสสันดรแล้ว พระเจ้าสญชัยใช้ให้เป็นทูตถือพระราชสาส์นไปเชิญเสด็จพระเวสสันดรกลับพระนคร พรานเจตบุตรหลงเชื่อจึงบอกเส้นทางที่จะเข้าสู่เขาวงกตแก่ชูชก
กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน มี ๓๘ พระคาถา
กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน มี ๓๘ พระคาถา
พรานเจตบุตรหลงกลชูชก ที่ไดชูกลักพริกขิงให้พรานดู อ้างว่าเป็นพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงสญชัยจะนำไปถวายพระเวสสันดร พรานเจตบุตรจึงได้ต้อนรับและเลี้ยงดูชูชกเป็นอย่างดีและได้พาไปยังต้นทางที่จะไปอาศรมฤๅษี
กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน มี ๘๐ พระคาถา
ชูชกเดินทางไปถึงอาศรมของพระอัจจุตฤๅษี แล้วหลอกลวงพระฤๅษีว่า ตนเคยคบหากับพระเวสสันดรมาก่อน เมื่อพระองค์จากมานานจึงใคร่จะเยี่ยมเยียน พระฤาษีหลงเชื่อจึงให้ชูชกพักแรมที่อาศรมหนึ่งคืน รุ่งขึ้นก็อธิบายหนทางที่จะเดินทางว่า จะต้องผ่านภูเขาคันธมาทน์และสระมุจลินท์ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับพระอาศรมของพระเวสสันดร ๙ชกจึงลาพระฤาษีเดินทางต่อไป
กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร มี ๑๐๑ พระคาถา
ชูชกเข้าไปขอสองกุมาร พระเวสสันดรพระราชทานให้ สองกุมารรู้ความจึงหนีไปอยู่ในสระบัว พระเวสสันดรตามไปพูดจาให้สองกุมารเข้าใจ สองกุมารจึงขึ้นจากสระบัว ชูชกพาสองกุมารเดินทางโดยเร่งรีบด้วยเกรงว่า หากพระนางมัทรีกลับจากหาผลไม้ก่อนจะเสียการ
กัณฑ์ที่ ๙ มัทรี มี ๙๐ พระคาถา
เมื่อชูชกพาสองกุมารออกไปพ้นพระอาศรมแล้ว เทพทั้งปวงก็วิตกว่า ถ้าพระนางมัทรีกลับมาแต่ยังวันก็จะรีบติดตามหาสองกุมารเป็นแน่ พระอินทร์จึงมีเทวบัญชาให้เทพสามองค์จำแลงเป็นเสือและราชสีห์ไปขว้างทางเดินของพระนางมัทรีไว้ ส่วนพระนางมัทรีรู้สึกเป็นทุกข์ถึงสองกุมารเป็นอันมาก เก็บผลไม้ตามแต่จะได้แล้วก็รีบกลับพระอาศรม มาพบสัตว์ทั้งสามขวางหน้าอยู่ก็วิงวอนขอทาง จนพลบค่ำสัตว์ทั้งสามจึงหลบทางให้ เมื่อมาถึงพระอาศรม พระนางมองหาสองกุมาร แต่ไม่พบ จึงไปถามพระเวสสันดร พระเวสสันดรเกรงว่าถ้าบอกไป พระนางมัทรีจะโศกเศร้ามากยิ่งขึ้นไปอีก จึงแสร้งพูดแสดงความหึงหวงขึ้นเป็นทำนองระแวงที่นางกลับมาจนมืดค่ำ พระนางมัทรีเจ็บใจก็คลายความโศกลง เที่ยวตามหาสองกุมารไปทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่พบจึงกลับมายังพระอาศรมของพระเวสสันดร แล้วสลบไปด้วยความโศกเศร้าและสิ้นแรง เมื่อพระเวสสันดรแก้ไขจนพระนางฟื้น พระเวสสันดรจึงเล่าให้ฟังว่าได้บริจาคบุตรเป็นทานแก่พราหมณ์เฒ่าไปแล้ว พระนางมัทรีก็มิได้เศร้าโศก แต่กลับชื่นชมกับมหาบริจาคทานของพระเวสสันดรด้วยศรัทธาอันเปี่ยมล้น
กัณฑ์ที่ ๑๐ สักกบรรพ มี ๔๓ พระคาถา
พระอินทร์เกรงว่าหากมีใครมาขอพระนางมัทรีจากพระเวสสันดร ก็จะทำให้พระเวสสันดรบำเพ็ญภาวนาไม่สะดวก ด้วยไม่มีผู้คอยปนนิบัติ ดังนั้พระอินทร์จึงแปลงกายเป็นพราหมณ์เฒ่าลงมาขอและได้ให้พรแปดประการแก่พระเวสสันดร รวมทั้งยังฝากฝังพระนางมัทรีไว้ให้อยู่ปรนนิบัติพระเวสสันดรด้วย
กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช มี ๖๘ พระคาถา
เมื่อเดินทางผ่านป่าใหญ่ ชูชกผูกสองกุมารไว้ที่โคนต้นไม้ ส่วนตนปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้ เหล่าเทพเทวดาจึงแปลงกายลงมาปกป้องสองกุมารให้เดินทางถึงกรึงสีพีโดยปลอดภัย ขณะเดียวกันพระเจ้ากรุงสีพีเกิดนิมิตฝัน ซึ่งตามคำทำนายนั้นนำมายังความปิติปราโมทย์แก่พระองค์ยิ่งนัก
เมื่อเสด็จลงหน้าลานหลวงตอนรุ่งเช้า พระเจ้ากรุงสีพีก็ทอดพระเนตรเห็นชูชกและกุมารทั้งสองพระองค์ ครั้นทรงทราบความจริง พระองค์จึงทรงพระราชทานค่าไถ่คืน หลังจากนั้นชูชกก็ถึงแก่ความตายเพราะกินอาหารมากเกินขนาด แล้วพระชาลีก็ทูลพระเจ้ากรุงสีพีเพื่อขอให้ไปรับพระบิดาและพระมารดาให้นิวัติคืนพระนคร ในขณะเดียวกันเจ้านครกลิงราษฎร์ได้คืนช้างปัจจัยนาเคนทร์แก่นครสีพี
กัณฑ์ที่ ๑๒ ฉกษัตริย์ มี ๓๖ พระคาถา
พระเจ้ากรุงสญชัยยกทัพไปรับพระเวสสันดร โดยใช้เวลา ๑ เดือน กับ ๒๓ วัน จึงเดินทางถึงเขาวงกต เสียงโห่ร้องของทหารทั้งสี่เหล่าทำให้พระเวสสันดรทรงคิดว่าเป็นข้าศึกมาโจมตีนครสีพีจึงชวนพระนางมัทรีขึ้นไปแอบดูที่ยอดเขา พระนางมัทรีทรงมองเห็นกองทัพพระราชบิดาจึงได้ตรัสทูลพระเวสสันดร แต่เมื่อทั้งหกกษัตริย์ได้พบกัน ทรงกันแสงสุดประมาณ รวมทั้งทหารเหล่าทัพำให้ป่าใหญ่สนันครั่นครืน พระอินทร์จึงได้ทรงบันดาลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมาประพรมหกกษัตริย์ให้หายโศกเศร้าและฟื้นพระองค์
กัณฑ์ที่ ๑๓ นครกัณฑ์ มี ๔๘ พระคาถา
กษัตริย์ทั้งหกยกพลกลับคืนพระนคร หลังจากที่พระเจ้ากรุงสญชัยตรัสสารภาพผิด พระเวสสันดรจึงทรงลาผนวชพร้อมทั้งพระนางมัทรี เมื่อเสด็จถึงนครสีพีจึงรับสั่งให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขัง ครั้นยามราตรีพระเวสสันดรทรงปริวิตว่า รุ่งเช้าประชาชนจะแตกตื่นมารับบริจาคทาน พระองค์จะประทานสิ่งใดให้แก่ประชาชน ท้าวโกสีย์ได้ทราบจึงบันดาลให้มีฝนแก้ว ๗ ประการ ตกลงมาในนครสีพีสูงถึงหน้าแข้ง พระเวสสันดรจึงทรงประกาศให้ประชาชนมาขนเอาไปตามปรารถนา ที่เหลือให้ขนเข้าพระคลังหลวง
ในกาลต่อมาพระเวสสันดรเถลิงราชสมบัติปกครองนครสีพีโดยทศพิธราชธรรม บ้านเมืองร่อเย็นเป็นสุขตลอดตามชนมายุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น